ประโยคที่อยู่ในภาพยนตร์ตัวอย่างเรื่อง The Social Network ซึ่งดัดแปลงมาจากหนังสือ The Accidental Billionaires
จากหนัง มาร์ค ซัคเคอร์เบร์ก ได้หักหลังเพื่อนผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook โดยปรับลดหุ้นของเพื่อนเหลือ 0.03% และผู้ช่วยทนายสาวตั้งข้อสังเเกตุสงสัยว่า เขาเป็นคนแจ้งตำรวจให้ไปจับหุ้นส่วนอีกคนที่จัดปาร์ตี้ที่มียาเสพติด
ในการใช้งานจริงเพื่อนที่เป็นเพื่อนของคุณจริงๆ จะมีถึง 20 คน หรือป่าว
ประโยชน์ที่ผมได้จาก Facebook คือการส่ง FB message ทางมือถือ เพราะเพื่อนมี FB เกือบทุกคน ถ้าเรามีแพคเกจอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว เราก็จะประหยัดค่าส่ง sms แบบปกติครั้งละ 1-2 บาท สุดแล้วแต่
ที่เป็นประโยชน์มากคือ การนัดเลี้ยงรุ่น เพื่อนจะบอกต่อกันและมาร่วมงานมากกว่าที่คาดไว้
ผมมีเพื่อนไปเรียนที่เมืองไครส์เชิร์ต นิวซีแลนด์ วันที่แผ่นดินไหวก็เข้า FB ไปถามเขาว่าปลอดภัยดีไหม ในวันนั้นอินเตอร์เน็ตไม่ล่ม และเพื่อนปลอดภัยดี ในแผ่นดินไหวครั้งก่อนที่เมืองนี้ตอนนั้นอินเตอร์เน็ตล่ม กว่าจะติดต่อบน FB ได้ก็ผ่านไปหลายชั่วโมง
ใครที่มีญาติพี่น้องอยู่ต่างประเทศก็คงจะติดต่อญาติได้สะดวกดีโดยผ่าน FB
บุคคลที่คุณไม่ควรรับเป็นเพื่อนใน FB คนแรกคือ แฟนของคุณเอง คนที่สองคือ เจ้านายของคุณ และคนอื่นที่ไม่หวังดีต่อคุณ
จากหนัง Eduardo Saverin ผู้ร่วมก่อตั้ง (Co-Founder) Facebook ทะเลาะกับแฟนสาว เรื่องที่เขาไม่เปลี่ยนสถานะบน FB เป็นไม่โสด เขาบอกว่า เปลี่ยนไม่เป็น และในวันนั้นเขาทั้งสองก็เลิกกัน
และจากในหนังสือเขียนว่า มาร์ค ชอบรูปแบบที่ FB นำไปใช้ในการจีบสาว จึงเป็นอีกเหตุผลที่ไม่ควรรับแฟนเป็นเพื่อน (ทางแก้คงไม่ต้องบอกมั้งว่าต้องทำยังไง เพราะแฟนคุณต้องไม่ยอมแน่ๆ ถ้าคุณไม่รับเธอเป็นเพื่อน)
ซึ่งในวันนี้ web social network อื่นๆ น่าจะมีรูปแบบที่ไม่น่าสนใจเท่า FB อย่าง My Space ก็มีคนใช้เยอะแต่คนไทยไม่ค่อยใช้ เพราะมันเหมาะกับคนอเมริกันมากกว่า อย่าง Hi5 คนไทยใช้เยอะมากช่วงก่อนหน้านี้ และฟังชั่นการใช้งานก็น่าสนใจดี แต่ที่ผมเข้าใจเอาเอง Hi5 ดูเหมาะสำหรับเด็กวัยรุ่นมากกว่า ถ้าเด็กโตและผู้ใหญ่ก็คงมองว่า Hi5 ดูไม่เหมาะกับวัยของตัวเอง
ส่วนเจ้านาย มีตัวอย่างพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง แจ้งลาป่วยไว้ แล้วเจ้านายของพนักงานคนนั้นไปเห็นรูปภาพที่พนักงานไปเที่ยวต่างเมืองใน FB พนง.คนนั้นเลยถูกไล่ออก
สิ่งที่อยากจะบอกคือ คุณไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป ไม่รับเพื่อนใหม่มากเกินไป โดยเฉพาะที่คุณไม่รู้จัก ไม่ควรตั้งค่าเป็นแบบ Public ซึ่งจริงๆ ทุกคนก็ทราบเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว แต่จากที่เห็นหลายๆ คนเปิดข้อมูลเป็น Public และใครก็เขาไปดูได้ อย่างรูปภาพตอนที่สาวๆ เมา ก็เอามาลงใน FB
และถ้าจะใช้ Social Network ทำการตลาด ไม่มีใครปฏิเสธว่าจะไม่ใช้ Facebook
ผมคิดว่า 80% ของ facebook เกิดจากความสามารถของมาร์ค เขามีเป้าหมายที่ใหญ่มาก และไม่ต้องการให้ใครมาทำมันพังลงระหว่างทาง ถึงแม้จะต้องหักหลังเพื่อนรักที่เขามีอยู่เพียงคนเดียวก็ตาม
ฝาแฝดที่ฟ้องว่ามาร์คขโมยความคิดของพวกเขามาสร้าง facebook ได้รับเงินไกล่เกลี่ยเพื่อยอมความ 65 ล้านดอลล่า ซึ่งมากเกินพอแล้ว และเพื่อนรักของเขา Eduardo ได้เงินไกล่เกลี่ยที่ไม่เปิดเผยจำนวน ซึ่งตอนที่เขายืนฟ้องมาร์ค เรียกเป็นเงิน 600 ล้านดอลล่า
เป็นภาพยนตร์ที่สร้างแรงบันดาลใจได้ดีมาก โดยเฉพาะในยุค Social network ที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือล้มล้างรัฐบาลเผด็จการลงได้ในหลายประเทศอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้
หนังที่เกี่ยวกับ บิล เกต และ สตีฟ จ็อบ ก็ให้ความรู้สึกแบบนี้ แต่ที่ facebook ให้มากกว่าคือ การที่ มาร์ค เป็นคนหนุ่มในยุคปัจจุบันนี้ ซึ่งทุกคนใช้ facebook และเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่กำลังเกิดขึ้นกับบริษัทมูลค่า 25,000 ล้านดอลล่า
ในการสร้างตำนานก็ต้องมีทั้งเทพและมาร
----ผู้ช่วยทนายสาว
By ODevel