วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

Entrance


Entrance สู่อาชีพที่ดี

อาชีพที่รายได้ดีในช่วงนี้ก็เห็นจะมี ดารา นักร้อง และมีการประกวดมากมายที่เปลี่ยนชีวิตคนธรรมดาให้เป็นดารา รายได้ก็คงเดือนล่ะหลายแสน หรือ จะเป็น ส.ส. รายได้ก็เดือนละแสน แต่การหาเสียงคงใช้เงินหลายล้าน

ถ้าผู้ปกครองจะส่งลูกเข้าประกวดร้องเพลงก็ไม่เสียหายอะไร ได้เรียนรู้ ได้ประสบการณ์ และชีวิตอาจจะเปลี่ยนเพียงชั่วข้ามคืน
แต่คงจะมีไม่กี่คนที่จะชนะการประกวด อาชีพที่สังคมยอมรับ มีรายได้ดี ก็อาจจะเป็นหมอ ทั้งรายได้จากงานประจำและการเปิดคลินิก ก็คงได้เดือนละแสนขึ้นไป ช่วงนี้มีโฆษณาการศึกษาต่อแพทย์ที่ประเทศจีน ซึ่งจะไม่ต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียนมหา’ลัยในไทยและค่าเรียนไม่แพง ก็เป็นอีกทางเลือกที่จะได้เข้าสู่อาชีพที่ดี

อาชีพอื่นที่มีรายได้ดีอาชีพหนึ่งคือ พนักงานขาย ซึ่งโดยมากผู้ที่จบ ป.ตรี ไม่อยากที่จะทำ เพราะต้องขับรถเพื่อไปขายของ พนักงานขายในที่นี้รวมทั้ง ผู้แทนขายยา เครื่องมือแพทย์ หรือ พนักงานขายหนังสือ สบู่ ยาสีฟัน และพนักงานขายอื่นๆ ซึ่งรายได้รวมค่าคอมมิชชั่นประมาณ 30,000 – 50,000 บาท โดยเฉลี่ย ขายเครื่องมือแพทย์ก็อาจจะได้ถึงแสนบาทต่อเดือน

ลองมาดู อาจารย์ผู้จบ ป.เอก เงินเดือนปกติก็ 18,000 บาท ถ้าเป็นสถาบันเอกชนก็อาจจะ 20,000 ขึ้นไป มหาลัยของรัฐบางแห่งก็อาจจะมี ค่าคุณวุฒิปริญญาเอก เพิ่มให้อีก 5,000 บาท รวมกับ 18,000 เป็น 23,000 บาท สำหรับการอยู่ในภาครัฐ ถ้าได้สอนนอกเวลาราชการและงานวิชาการอื่น ก็อาจจะได้เพิ่มมาอีกสัก 10,000 บาท รวมเป็น 33,000 บาทต่อเดือน ซึ่งรายได้จะน้อยกว่า พนักงานขาย ที่มีอายุงานพอๆ กัน คือ อายุ 30 ปี ขึ้นไป การเป็นพนักงานขายก็จะขึ้นเป็นระดับหัวหน้า รายได้ก็จะมากกว่า 50,000 บาท

และอาชีพที่ทำเงินได้มากที่สุดคือ ผู้ทำธุรกิจเครือข่าย เพราะรายได้ไม่มีเพดานที่จำกัด รายได้ขึ้นกับขนาดขององค์กรและยอดขายรวมขององค์กรตนเอง รายได้หลักแสนต่อเดือนเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ในระยะเวลาการทำงานไม่นาน หรืออาจจะถึงหลักล้านต่อเดือน ถ้ายังทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เขียนมาถึงตรงนี้เหมือนจะชวนมาทำขายตรง งานอาชีพนี้ต้องเข้าใจระบบและวิธีการทำงาน และต้องเชื่อว่าจะทำอาชีพนี้ได้ตลอดรอดฝั่งเพราะต้องตั้งใจและใช้ความอดทนสูง

ช่วงนี้ได้เห็นข่าวการสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยของนักเรียนมัธยม ก็ไม่เข้าใจหรอกว่า O-Net, A-Net หรือ Admission มันคืออะไร แต่รู้สึกว่ามันยุ่งยากวุ่นวายมากๆ ข้อสอบก็ออกมาได้ยังไงแบบ 16 ตัวเลือกตอบ คือ คำถามให้หาจุดผิด 4 จุด จากคำถาม และต้องหาจุดผิด 4 จุด และต้องหาต่ออีกว่าใน 4 จุดนั้น ที่ถูกคืออะไร คนออกข้อสอบก็ช่างคิด วันๆ คงนั่งออกข้อสอบอย่างเดียวไม่ไปทำอย่างอื่น ผมว่าหาจุดผิดสัก 2 จุด และหาคำที่ถูก รวมเป็น 4 คำตอบ ก็น่าจะพอแล้วสำหรับข้สอบแต่ละข้อ ถ้าต้องการวัดความเป็นเหตุเป็นผล ป้องกันการเดาของผู้สอบ เพราะมี 20 ข้อ ก็คงมึนแล้ว และผู้สอบที่ได้คะแนนแบบเลขตัวเดียว เช่น ได้ 8 คะแนน จาก 100 คะแนน แสดงว่าข้อสอบต้องใช้เวลามากและคำตอบเยอะเกินไป ทำให้ผู้สอบทำไม่ทัน อยากรู้ว่าคนออกข้อสอบ ลองมาสอบเองจะทำทันเวลาหรือป่าว

การสอบ Entrance เป็นเพียงช่วงเวลานึงของชีวิต ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงสำคัญช่วงหนึ่ง แต่ถ้ามันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป มันไม่ใช่คำตอบของชีวิต การจบ ป.ตรี ในวันนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา คนจบกันเยอะแยะ ชีวิตช่วงหลัง ป.ตรี จึงเป็นรอยต่อที่สำคัญในวันนี้ ว่าคุณจะตัดสินใจยังไงต่อไป จะเรียนต่อโท หรือจะขึ้นเป็นหัวหน้างาน ไม่มีใครบอกได้ว่าเส้นทางใดจะเหมาะกับเรามากที่สุด เราเท่านั้นที่จะรู้ และจะรู้เมื่อไหร่ว่าอะไรที่ใช่สิ่งที่เหมาะกับเรา ก็ต้องได้สัมผัสและเข้าไปเรียนรู้ในสิ่งนั้นครับจึงจะรู้ได้ เพียงการอ่านหนังสือหรือฟังเขาเล่าไม่เพียงพอ ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต อย่าง พนักงานขาย ที่จบ ป.ตรี เขาก็มีรายได้อย่างน้อย 50,000 บาทต่อเดือน เพราะเขาได้เลือกอาชีพที่เหมาะกับตัวเองแล้ว

อาชีพที่ทำแล้วมีความสุข เช่น เปิดร้านกาแฟ ร้านขายเสื้อผ้า เพราะเจ้าของร้านรักที่จะทำ หรือถ้าเป็นลูกจ้างอย่างเช่น สถาปนิก เพราะอาชีพนี้ต้องมีความชอบเป็นอันดับแรก ไม่งั้นก็อาจจะเรียนไม่จบตั้งแต่อยู่มหาลัย


By ODevel






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น